“สเตนเลส สตีล” นับเป็นวัสดุแห่งโลกสมัยใหม่ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิตประจำวันของเราแทบทุกด้าน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่กระแสหลักทั่วทั้งโลกให้ความใส่ใจและคำนึงถึงการรักษ์สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของผู้คนเป็นอย่างสูง “สเตนเลส” จึงเป็นหนึ่งในวัสดุของความทันสมัยและเป็นคำตอบดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณสมบัติและการใช้งานสเตนเลส ที่ไร้ขีดจำกัด : ด้วย คุณสมบัติที่โดดเด่นของสเตนเลสรีดเย็น จึงทำให้สามารถขึ้นรูปได้หลากหลายการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นภาชนะ เครื่องใช้ในครัวเรือน การตกแต่งภายนอกและภายใน โครงสร้างของอาคาร สถานที่ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ในด้านความแข็งแกร่งคงทน ความสามารถต้านทานการกัดกร่อนและการเกิดสนิม สเตนเลสจัดเป็นวัสดุที่สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เมื่อเทียบกับโลหะอื่นๆ เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีความเสถียรสูง ดังนั้นจึงไม่ทำปฏิกิริยากับสิ่งแวดล้อมและเปลี่ยนรสอาหาร อีกทั้งการบำรุงรักษาที่ต่ำเมื่อเทียบระยะเวลาการใช้งานกับวัสดุอื่น สเตนเลสจึงถูกนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมได้แทบทุกประเภท อาทิ ในกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมเคมี การผลิตอาหาร การผลิตเครื่องดื่ม นอกจากนี้แล้วในด้านความคงทนและความปลอดภัย สเตนเลสได้ถูกนำมาใช้ผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ชิ้นส่วนสำหรับดามกระดูกและข้อต่อในร่างกาย เป็นต้น เหนือสิ่งอื่นใด สเตนเลสยังเป็นวัสดุที่ผลิตจากเหล็กที่นำกลับมาใช้ใหม่ 100% ดังนั้นกระบวนการผลิตและการใช้งานจากสเตนเลส ต่างๆ จึงเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า และมีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนได้เป็นอย่างสูง ตัวอย่างการใช้ทางด้านพลังงานได้แก่ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ สเตนเลสได้ถูกนำมาผลิตเป็นท่อไอเสีย เพื่อกรองไอเสียและการลดการปล่อยปริมาณคาร์บอนมอนน็อคไซด์ไปสู่อากาศอย่างมี ประสิทธิภาพ และสามารถนำสเตน เลสมาใช้ในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ และพลังงานแสงแดด นวัตกรรมการใช้สเตนเลสเพื่อพลังงานแสงอาทิตย์ : การ พัฒนา “สเตนเลส” เพื่อนำไปใช้งานด้านอื่นๆ ยังคงไม่หยุดนิ่ง ที่สหรัฐอเมริกาได้มีการสร้างโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ขนาด 40 เมกกะวัตต์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการผลิตพลังงานไฟฟ้าระบบรวมแสงอาทิตย์ (Concentrating Solar Power) โดยใช้แผ่นสะท้อนแสงที่ทำจากกระจก ซึ่งจะหมุนตามดวงอาทิตย์เพื่อสะท้อนแสงและส่งไปยังตัวรับแสง แสงจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานความร้อนและนำไปทำไอน้ำเพื่อใช้ปั่นไฟฟ้าต่อ ไป สำหรับประเทศไทย รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานธรรมชาติที่ปราศจากการก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถนำมาใช้อย่างไม่หมดสิ้น หากมีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะเป็นการลดการผลิตก๊าซเรือนกระจก และลดปัญหาของการนำเข้าพลังงานได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ภาครัฐโดยกระทรวงพลังงาน จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่จะส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากจากพลังงานทางเลือกขึ้น โดยกระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ให้การสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมให้เอกชนเข้ามาลงทุนดำเนิน การ โดยล่าสุดมีโครงการของภาคเอกชนที่จะก่อสร้างขึ้นที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งจะสร้างแผงสะท้อนแสงอาทิตย์ บนพื้นที่ 50 ไร่ เพื่อผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 2 เมกกะวัตต์ และใช้แผ่นสะท้อนแสงสเตนเลสขัดมันเพื่อรวมแสงอาทิตย์ โดยประเมินการใช้จำนวนเสตนเลสที่ 280 ตัน ในขณะที่การผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งโครงการดังกล่าวมีขนาด 500 เมกกะวัตต์ ถ้าเลือกใช้วิธีการนี้ทั้งหมด อาจจะต้องใช้แผ่นสเตนเลสสะท้อนแสงมากถึง 71,000 ตัน ทีเดียว การนำสเตนเลสชนิดเงาเพื่อใช้ในการผลิตพลังงานจาก แสงอาทิตย์นั้น นอกจากจะเป็นการใช้วัสดุที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนแล้ว พลังงานไฟฟ้าจะยังประโยชน์แก่มนุษยชาติ และช่วยลดการใช้พลังงานที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ และกำมะถันเป็นตัวการก่อให้เกิดภาวะก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศอีกด้วย ดังนั้นการใช้สเตนเลสแผ่นขัดเงาหรือชนิดพื้นผิวแบบกระจกเงานี้ จึงเป็นวัสดุทางเลือกหนึ่งสำหรับพลังงานสะอาด ที่นับวันจะมีบทบาทแทนที่พลังงานในรูปแบบเดิมๆ ที่จะหมดสิ้นไปในอนาคต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นเขตเมืองร้อน การใช้สเตนเลสเพื่อการผลิตพลังงงานจากแสงอาทิตย์ดังกล่าวจึงเป็นทางเลือกที่ ดี เพราะนอกจากพื้นผิวที่ใช้รวมแสงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังให้ความคงทน ไม่แตกหักและต้านทานการกัดกร่อนที่เหนือกว่าวัสดุอื่นในสภาพอากาศที่ร้อน ชื้น เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ตลอดเวลา สเตนเลส สตีล จึงเป็นโลหะที่ทรงคุณค่า พร้อมตอบสนองวิถีชีวิตใหม่ในการดำรงชีวิตไปพร้อมๆกับการสร้างสมดุลด้านสิ่ง แวดล้อมที่ดีขึ้น และไม่ใช่เรื่องไกลตัวที่เราจะมองข้ามได้เช่นที่ผ่านมา ดร.ฉัตรชัย สมศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายโลหวิทยา และ ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ไทยน๊อคซ์